การสัมผัสถูกแสงแดด: ดี หรือไม่ดี

เข้าหน้าร้อนแล้ว!!ได้เวลาไปชายหาดซักทีแต่ก่อนไปคุณอาจกำลังสงสัยอยู่ว่าควรออกไป

อยู่กลางแดดจ้าหรือเปล่าหรือควรจะหาอะไรมาคลุมตัวซะหน่อย

แสงอาทิตย์เป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่แผ่ออกมาจากดวงอาทิตย์ ประกอบไปด้วย 3 ส่วนหลักๆ คือ แสงที่ตา มองเห็น (Visible light) แสงอุลตราไวโอเลต (Ultravioletlight: UV) และแสงอินฟราเรด (Infrared) รังสี UV สามารถแบ่งแยกย่อยได้เป็น UVA, UVB และ UVC ตามคุณสมบัติทางฟิสิกส์ไฟฟ้า โดยรังสี UVA มีความยาวคลื่นยาวที่สุด (315–400 นาโนเมตร) แต่มีพลังงานโฟตอนต่ำท่ีสุด ในขณะที่รังสี UVC มีความยาว คลื่นสั้นท่ีสุด (100–280 นาโนเมตร) แต่มีพลังงานมากท่ีสุด ส่วนรังสี UVB มีความยาวคลื่นระหว่างรังสี UVA และ UVC แสงอาทิตย์ส่วนใหญ่ประกอบไปด้วยรังสี UVA (90%–95%) และ UVB (5%–10%) ในขณะท่ีรังสี UVC แผ่มาไม่ถึงโลกเพราะถูกดูดกลืนโดยโอโซนในชั้นบรรยากาศ

อันตรายจากแสงอาทิตย์

การสัมผัสกับรังสี UV จากแสงอาทิตย์อาจส่งผลกระทบอย่างฉับพลันหรือใน ระยะยาวต่อสุขภาพ ซึ่งไม่เพียงแต่จะมีผลต่อสุขภาพผิวเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบ ต่อดวงตาและระบบภูมิคุ้มกันด้วย

1. ผลกระทบของรังสี UV ต่อผิว

2. ผลกระทบของแสงอาทิตย์ต่อผิวในระยะสั้น

• ผิวไหม้จากแสงแดด (Sunburn)

• ผื่นที่เกิดจากแสงแดด (Polymorphic Light Eruption) หรือโรคแพ้ แสงแดด (Sun Allergy)

3. ผลกระทบของแสงอาทิตย์ต่อผิวในระยะยาว

• ร้ิวรอยก่อนวัย และอันตรายต่อผิวหนังอื่นๆ

• มะเร็งผิวหนัง

4. ผลกระทบของแสงอาทิตย์ต่อดวงตา: ต้อกระจก (Cataract) และอันตราย อื่น ๆ ต่อดวงตา

5. ภูมิคุ้มกันลดลง(ImmuneSuppression)และการติดเชื้อได้ง่ายขึ้น

แสงแดดไม่ใช่มีแต่โทษแต่ก็มีประโยชน์

1. แสงและความมืดมีผลต่อการหลั่งฮอร์โมน Serotonin และ Melatoninในสมอง

2. สังเคราะห์วิตามินดี

3. ช่วยป้องกันการเกิดโรค Multiple sclerosis

4. การรักษาโรคทางผิวหนังด้วยแสง (Phototherapy)