Message from Management
- อะตอม คร๊าบบบ
- May 20, 2017
- 1 min read

ประสพ พลากรกิตติ
กรรมการผู้จัดการ บริษัท เคมีโก้ อินเตอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด
ธุรกิจเครื่องสําอางในประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดโดยเฉพาะ ภายหลังการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ทั้งผู้ประกอบการรายใหญ่และเอสเอ็มอี ต่างมองหาช่องทางในการขยายตลาดสู่อาเซียน โดยเฉพาะประเทศกลุ่มซีแอลเอ็มวี (กัมพูชา ลาว เมียรมาร์ และเวียดนาม) ที่มีความน่าสนใจ ทุกประเทศมีอัตราการเติบโตสูงจึงเห็นได้ว่าธุรกิจเครื่องสําอางมีการเติบโตสวนทางกับภาพรวมเศรษฐกิจ
ยุทธศาสตร์ในการบริหารงานของกลุ่มเคมีโก้คือการมองเห็นโอกาสและขยายตลาดก่อนคู่แข่ง ปัจจุบันเรามีสํานักงานครอบคลุม 2 ทวีปหลักคือเอเชีย (รวมตะวันออกกลาง) และยุโรป โดยมีแผนที่จะขยายธุรกิจสู่ทวีปแอฟริกาในอนาคตอันใกล้ขณะที่ภายในปีนี้สํานักงานและโกดังเก็บสินค้าแห่งใหม่ของ Chemico Philippines, Inc ประเทศฟิลิปปินส์ และ PT. Kemiko Indonesia ประเทศอินโดนีเซียต่างพร้อมที่จะเปิดดําเนินธุรกิจแบบครบวงจรอย่างเป็น ทางการ นอกจากนี้ห้องปฏิบัตการสําหรับสินค้าเครื่องสําอางและอาหารของ Chemico Myanmar Co., Ltd., (เมียรมาร์) Chemico Asia Paci fic (M) Sdn. Bhd. (มาเลเซีย) และ Chemico Health and Beauty India Private Limited (อินเดีย) ก็พร้อมให้บริการแก่ลูกค้าด้วยเช่นเดียวกัน
ฤดูร้อนปีที่ผ่านมามีประเทศไทยมีสถิติใหม่เกิดขึ้นมากมายไม่ว่าจะเป็นอุณหภูมิท่ีสูงสุด ถึง 44 องศาเซลเซียสทําลายสถิติร้อนที่สุดในรอบ 56 ปี ในฐานะผู้ประกอบการ ผลิตภัณฑ์กลุ่มความงามและสุขภาพ เราเล็งเห็นถึงอันตรายของแสงแดดและรังสียูวี จึงอยากเผยแพร่ข้อมูลให้ทุกท่านทราบเกี่ยวกับประโยชน์และโทษของรังสียูวี รวมไปถึงสารกันแดดและผลิตภัณฑ์กันแดดประเภทต่างๆ
รูปแบบการค้าในอุตสาหกรรมความงามมีการเปลี่ยนแปลงตามพฤติกรรม ไลฟ์สไตล์ และรายได้ของผู้บริโภค ส่งผลให้การพัฒนารูปแบบธุรกิจในระยะยาว 20 ปี ข้างหน้าไม่มีสูตรสําเร็จและความแน่นอน ก้าวต่อจากนี้ไปจะมีแต่ความท้าทายใหม่ๆ จากการทําธุรกิจแบบไร้พรมแดนที่เปิดกว้างขึ้นด้วยเทคโนโลยีท่ีทันสมัยมากข้ึน จึงจําเป็นต้องพัฒนาและปรับเปลี่ยนระบบรวมถึงบุคคลากรเพื่อเตรียมพร้อมรับสิ่งใหม่ท่ีจะเกิดขึ้น พร้อมผลักดันให้เคมีโก้กรุ๊ปก้าวขึ้นสู่การเป็นองค์กรชั้นนําระดับโลก และอยู่ในใจของผู้บริโภคอย่างยาวนาน
Comments