No tags yet.
ขณะนี้ความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับผลของรังสีอินฟาเรด (Infrared radiation: IRR) ต่อผิวยังมีอยู่น้อยมาก มีรายงานว่ารังสี IR-A สามารถเข้า สู่ทั้งผิวช้ันหนังกำพร้า (Epidermis) และหนังแท้ (Dermis) จึงเข้าไปถึง เนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง(Subcutaneous tissue) ได้แต่ไม่ทำให้อุณหภูมิผิวเพิ่มขึ้นมากนัก ในขณะที่รังสี IR-B และ IR-C จะถูกดูดกลืนอยู่เฉพาะผิวช้ันหนัง กำพร้าเท่านั้นจึงทำให้อุณหภูมิผิวเพิ่มสูงข้ึน (รูปที่ 1)
ดังน้ัน เราจึงกล่าวได้ว่าความร้อนอาจเกิดจากการแผ่ของ IRR โดย ความร้อนเป็นตัวกระตุ้นสำคัญที่ทำให้เอนไซม์ Metalloproteinases (MMPs) และ Reactive oxygen species (ROS) เพิ่มข้ึน เช่นเดียวกับการผลิตสารตัวกลางที่ก่อให้เกิดการอักเสบของผิวอาทิ Cytokines ที่กระตุ้นให้เกิดการอักเสบ Angiogenic factor และ Transcription factor รวมถึง Serine-proteases และ Signaling paths ส่งผลให้ Extracellular matrix ย่อยสลาย ก่อให้เกิด สัญญาณของการเสื่อมสภาพผิว นอกจากเรื่อง IRR แล้ว การศึกษายังได้เน้นถึงผลกระทบทางชีวภาพ จากการสัมผัสกับแสงที่ตามองเห็น (Visible light) โดย 6.8% ของพลังงานแสงอาทิตย์ท่ีมาถึงพื้นผิวโลกอยู่ในช่วงรังสี UV (โดยเป็นรังสี UV-B 0.5% และ UV-A 6.3%) 38.9% อยู่ในช่วงแสงที่ตามองเห็นและ 54.3% อยู่ในช่วงรังสี IR ซึ่งจะเห็นได้ว่าในแต่ละวันทุกคนจะสัมผัสกับรังสี IR และแสงที่ตามองเห็นในปริมาณมาก อย่างไรก็ตาม ครีมกันแดดท่ีมีอยู่ขายอยู่ท่ัวไปถูกออกแบบให้กันรังสีท่ีมีความยาวคลื่นอยู่ในช่วงของรังสี UVA และ UVB เท่านั้นดังนั้นผิวจึงไม่ได้รับการปกป้องจากแสงที่ตามองเห็น Liebel et al แสดงให้เห็นว่าแสงท่ีตามองเห็นสามารถผลิต Reactive oxygen species ซึ่งทำให้มีการปล่อย Cytokines ที่กระตุ้นให้เกิดการอักเสบ และกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ MMPs โดยผลกระทบจากแสงที่ตามองเห็นที่สะสมมากขึ้นเรื่อยๆ จะทำให้ผิวได้รับความเสียหาย และทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควรจากที่กล่าวไว้ข้างต้น และตามทฤษฎีที่เกี่ยวกับสาเหตุของการเกิดริ้วรอยล่าสุด จะเห็นได้ว่าการปกป้องผิวจากการถูกทำร้ายจากแสงซึ่งมีได้รวมถึงรังสี UV นั้นมีความสำคัญสำหรับการรักษาสุขภาพผิวให้ดูดี ดังน้ัน การใช้เครื่องสำอางในการดูแลผิวพรรณ โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับการเสื่อมสภาพของผิวจึงมีความสำคัญมาก